คุณสมบัติทางโภชนาการของคะน้าและประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าทึ่ง
คะน้า: ผักใบเขียวทรงคุณค่าทางโภชนาการ
คะน้า (Kale) เป็นผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากชนิดหนึ่ง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา คะน้ามีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมบริโภคกันมากที่สุด ได้แก่ คะน้าใบหยิก คะน้าใบเรียบ และคะน้าไดโนเสาร์
คุณสมบัติทางโภชนาการของคะน้า
คะน้าอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ใน 100 กรัมของคะน้าดิบ จะมีสารอาหารดังต่อไปนี้:
- พลังงาน 33 กิโลแคลอรี
- คาร์โบไฮเดรต 6 กรัม
- โปรตีน 3 กรัม
- ไขมัน 0.6 กรัม
- ไฟเบอร์ 2 กรัม
- วิตามินซี 120 มิลลิกรัม (มากกว่าส้ม 1 ลูก)
- วิตามินเค 106 ไมโครกรัม
- วิตามินเอ 765 ไมโครกรัม
- โฟเลต 190 ไมโครกรัม
- แมงกานีส 0.26 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 150 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 290 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ คะน่ายังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ลูทีน ซีแซนทีน และซัลโฟราเฟน ซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
ประโยชน์ต่อสุขภาพของคะน้า
ด้วยคุณสมบัติทางโภชนาการที่โดดเด่น คะน้าจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้:
- ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: สารต้านอนุมูลอิสระในคะน้าช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามินซีในคะน้ามีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น
- บำรุงสายตา: ลูทีนและซีแซนทีนในคะน้าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตาจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและแสงสีฟ้า ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมและโรคต้อกระจก
- ลดการอักเสบ: สารซัลโฟราเฟนในคะน้ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคหัวใจ
- ดีต่อระบบย่อยอาหาร: ไฟเบอร์ในคะน้าช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติและช่วยลดความเสี่ยงของโรคลำไส้แปรปรวน
คะน้าเป็นผักใบเขียวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก จึงควรบริโภคเป็นประจำเพื่อรับประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย