ผลไม้กากใยสูง กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ผลไม้กากใยสูง กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ผลไม้เป็นอาหารที่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผลไม้ที่มีกากใยสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แต่การกินผลไม้กากใยสูงให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ควรคำนึงถึงปริมาณและวิธีการกินที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือการอุดตันของลำไส้
ปริมาณที่เหมาะสม
ปริมาณผลไม้กากใยสูงที่แนะนำให้กินในแต่ละวันนั้น ขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และน้ำหนักตัว โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่ควรได้รับกากใยประมาณ 25-30 กรัมต่อวัน
สำหรับผลไม้กากใยสูงนั้น ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดยปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการกินในแต่ละครั้งนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ เช่น
- กล้วย 1 ผล
- แอปเปิ้ล 1 ผล
- ฝรั่ง 1/2 ผล
- ส้ม 1 ผล
- กีวี 2 ผล
วิธีการกินที่ถูกต้อง
เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการกินผลไม้กากใยสูง ควรกินในลักษณะต่อไปนี้
- กินผลไม้ทั้งผล พร้อมกับเปลือกและเมล็ด
- เคี้ยวผลไม้ให้ละเอียดก่อนกลืน
- ดื่มน้ำตามมากๆ
การกินผลไม้ทั้งผล พร้อมกับเปลือกและเมล็ดนั้น จะช่วยให้ได้รับกากใยในปริมาณสูงสุด เนื่องจากเปลือกและเมล็ดเป็นแหล่งของกากใยชั้นดี
การเคี้ยวผลไม้ให้ละเอียดก่อนกลืนนั้น จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ง่ายขึ้น และช่วยลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ
การดื่มน้ำตามมากๆ จะช่วยให้กากใยพองตัวและเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น ช่วยลดปัญหาการอุดตันของลำไส้
ข้อควรระวัง
แม้ว่าผลไม้กากใยสูงจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรระมัดระวังในการกิน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น
- ผู้ที่มีปัญหาลำไส้อุดตัน ควรหลีกเลี่ยงการกินผลไม้กากใยสูง
- ผู้ที่มีปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ ควรกินผลไม้กากใยสูงในปริมาณน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อย
- ผู้ที่รับประทานยาลดไขมัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินผลไม้กากใยสูง เนื่องจากกากใยอาจไปลดการดูดซึมของยาได้
โดยทั่วไปแล้ว การกินผลไม้กากใยสูงในปริมาณที่เหมาะสมและวิธีการที่ถูกต้องนั้น จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลไม้ชนิดนี้ และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น